วันเสาร์ที่ 4 ก.พ. 55 โปรเจคใหญ่ต้อนรับปี 2012 เอาใจคนที่หลงรักและชื่นชอบความ classic,ดนตรี และ กิจกรรม x-treme ในโคลงการ ลีวัฒนา retro night classic & vintage market ตลาดนัดพบปะ คน classic ทุกๆวันเสาร์ เลือกชมสินค้าจากกลุ่ม,ชมรม ต่างๆ คนตรี แและกิจกรรมโชว์สุดมัน!!! และทุกๆ เสาร์สุดท้ายของเดือนพบกับ raggea ska party by eat more fruit โดย ศิลปินชั้นนำ การออกร้านและกิจกรรมจากกลุ่ม สมาชิก พร้อมเปิดตัวเสาร์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ 2012 ณ ตลาดลีวัฒนา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ถ้ายังไม่มี มาเอาที่บ้านไปปั่นด้วยกันก็ได้ 555น้ำใจงามกันทุกคน วันนั้นไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร เพราะรีบไปทำงานต่อ ไว้มีรถทีบเมื่อไร ขอเข้าชมรมด้วย แล้วถ้ามีโอกาส ก็จะลงหนังสือให้ครับพี่ถ้าสะดวกจะยืมที่พระประแดง หรือปิ่นเกล้า ก็ได้นะครับมีให้ยืมปั่น
นัดต่อไปที่ไหน แจ้งด้วยนะคับ เดี๋ยวไปถ่ายรูปเก็บไว้เหมือนเดิม
วันเสาร์ที่ 4 ก.พ. 55 โปรเจคใหญ่ต้อนรับปี 2012 เอาใจคนที่หลงรักและชื่นชอบความ classic,ดนตรี และ กิจกรรม x-treme ในโคลงการ ลีวัฒนา retro night classic & vintage market ตลาดนัดพบปะ คน classic ทุกๆวันเสาร์ เลือกชมสินค้าจากกลุ่ม,ชมรม ต่างๆ คนตรี แและกิจกรรมโชว์สุดมัน!!! และทุกๆ เสาร์สุดท้ายของเดือนพบกับ raggea ska party by eat more fruit โดย ศิลปินชั้นนำ การออกร้านและกิจกรรมจากกลุ่ม สมาชิก พร้อมเปิดตัวเสาร์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ 2012 ณ ตลาดลีวัฒนา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
แจงข่าวๆ ทางท่านอุ้ยรายงานตรงมาว่า ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ทางทีมพระประแดงจะจัดทริปตอนรับการไปเยือนของกลุ่มจั กรยานฝั่งธน สมาชิกทุกท่านจงเตรียมความพร้อมทางร่างกายและสภาพรถค รับ ทริปนี้คงสนุกน่าดูชม (ใครชวนใครได้รีบชวนเลยครับ มากันเยอะๆกิจกรรมดีๆแบบนี้นานๆจะมาที)
ประธานสายมึน
คนบ้ากับรถถีบ Maniac and Bicycle
.จักรยานฝั่งธน.Fang-Thon Bicycle
นครเขื่อนขันธ์ เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม
555+ งานนี้มันแน่ ได้บุญด้วย ไหว้พระหลายวัด
เริ่มด้วย
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อยู่ที่ตำบลตลาด สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2356 เป็นหลักเมืองเก่าของอำเภอพระประแดง ในสมัยเมื่ออำเภอนี้มีฐานะเป็นเมือง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งซึ่งชาวเมืองเคารพน ับถือมาก ลักษณะเป็นศาลเจ้าจีน ภายในมีรูปหล่อพรพิฆเนศรัชกาลที่ 2 โปรดฯ ให้กระทำพิธีอาถวรรฬ์ปักหลังเมือง เมื่อวันศุกร์ แรม 10 ค่ำ เดือน 7 ปีถุน พ.ศ. 2358
ต่อ
ป้อมแผลงไฟฟ้า
ป้อมแผลงไฟฟ้าเป็นป้อมปราการ สร้างขึ้นเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรูที่จะลุกล้ำเข้ามาท างปากแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพรพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับเมืองนครเขื่อนขันธ์เมื่อ พ.ศ.2358 และสร้างป้อมต่างๆ พร้อมกัน อีก 3 ป้อม คือ 1. ป้อมปู่เจ้าสมิงพราย 2.ป้อมปีศาจสิง 3.ป้อมราหูจร 4.ป้อมมหาสังหาร 5.ป้อมศัตรูพินาศ 6.ป้อมจักรกลด 7.ป้อมพระอาทิตย์พระจันทร์
โดยทำการชักปิกกาถึงกันสร้างกำแพงต่อเนื่องกันทุกป้อ ม และด้านหลังเมืองสร้างกำแพงล้อมรอบไว้ และสร้างยุ้งฉางสำหรับเก็บข้าวของและเครื่องศาสตราวุ ธ บริเวณริมแม่น้ำทำลูกทุน ใช้ชุงปักเป็นจุดๆ แล้วร้อยใช้ต่อกันผูกกับทุน เพื่อยับยั้งข้าศึกที่จะยักทัพมารุกรานเมืองหลวงที่เ ข้ามาทางปากน้ำเจ้าพระยา
ป้อมแผลงไฟฟ้า อยู่ทางฝั่งอำเภอพระประแดง ปัจจุบันเทศบาลเมืองพระประแดงได้ซ่อมแซมให้เป็นสถานท ี่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ป้อมนี้เคยบูรณะซ่อมแซมมาแล้วครั้งหนึ่งในสมัยรัชกาล ที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 2436 ปัจจุบันขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
ต่ออีก
หมู่บ้านมอญ
จากอดีตหลังจากที่รัชกาลที่ 1 สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้โปรดให้สมเด็จพระอนุชาริราชกรมพระราชวังบวรมหาเสน านุรักษ์เป็นแม่กองเสด็จลงไปทำเมืองขึ้นที่ปากลัด โดยรวมกันตั้งเมืองใหม่ขึ้นมาใหม่ พระราชทานชื่อเมืองว่าเมืองนครเขื่อนขันธ์ และทรงให้ย้ายครอบครัวมอญเมืองปทุมธานี พวกพระยาเจง มีจำนวนชายฉกรรจ์สามร้อยคนลงไปอยู่ แล้วสร้างป้อมปราการขึ้น
ต่อมาในรัชสมัยราชกาลที่ 2 ก็มีชาวมอญที่เมาะตะมะพากันอพยพครอบครัวหนีการกดขี่ข องพม่าเข้ามาให้พระราชทานอาณาจักร ทั้งทางเมืองตากเมืองอุทัยธานี รวมไปถึงด่านพระเจดีย์สามองค์ดังนั้น พระองค์จึงอพยพชาวมอญให้ไปอยู่ที่เมืองนนทบุรี และหลังจากนั้นก็โปรดเกล้าให้ไปตั้ง ภูมิลำเนาที่เมืองปทุมธานีบ้าง เมืองนครเขื่อนขันธ์บ้าง ชาวมอญทั้งหลายเมื่อได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าให้มา อยู่เมืองนครเขื่อนขันธ์ แล้วจึงแยกย้ายไปตั้งบ้านเรือนอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มๆ ซึ่งในภาษามอญจะเรียกว่า กวาน แปลว่า หมู่บ้านแต่ละกวานก็ตั้งชื่อตามถิ่นที่ตนเคยอยู่ในปร ะเทศมอญดั้งเดิม แต่บางแห่งก็ตั้งชื่อตามภูมิศาสตร์ของไทย เช่น หมู้บ้านทรงคะนอง คงจะเพี้ยนมาจากด๊าดฮเนิง ซึ่งแปลว่า น้ำเค็ม เพราะหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีน้ำ เค็มเข้าถึง
ชื่อหมู่บ้านมอญ ที่มีอยู่ในเมืองนครเขื่อนขันธ์หรือในพระประแดงในปัจ จุบันมีดังนี้
กวานดงฮะนอย เรียกเป็นภาษาไทยว่าหมู่บ้านทรงคะนอง
กวานโรงเกลิ้ง เรียกเป็นภาษาไทยว่าหมู่บ้านโรงเรือ
กวานอะม่วงเรียกเป็นภาษาไทยว่าหมู่บ้านอะม่วง
กวารเซ่ย์ เรียกเป็นภาษาไทยว่าหมู่บ้านแซ่
กวานฮมัง เรียกเป็นภาษาไทยว่าหมู่บ้านทะมัง
กวานอะเหริ่น เรียกเป็นภาษาไทยว่าหมู่บ่านฮะเริ่น
กวานดา เรียกเป็นภาษาไทยว่าหมู่บ้านดา
กวานเหว่กะราว เรียกเป็นภาษาไทยว่าหมู่บ้าเวฮะราว
กวานเหต๋อ เรียกเป็นภาษาไทยว่า หมู่บ้านเด้อ
กวานดัง เรียกเป็นภาษาไทยว่า หมู่บ้านดัง
กวานจังบี เรียกเป็นภาษาไทยว่า หมู่บ้านจังบี (ปัจจุบันไม่มีแล้ว)
กวานโกงกาง เรียกเป็นภาษาไทยว่า หมู่บ้านโกงกาง (ปัจจุบันไม่มีแล้ว)
กวานฮะโดนเจิน เรียกเป็นภาษาไทยว่าหมู่บ้านสะพานช้าง
กวานเจิมมาย เรียกเป็นภาษาไทยว่า หมู่บ้านเชียงใหม่
กวานเติงฮะโมก เรียกเป็นภาษาไทยว่า หมู่บ้านฝั่งแหลม
กวานฮะกำ เรียกเป็นภาษาไทยว่า หมู่บ้านระกำ (ปัจจุบันไม่มีแล้ว)
ต่อ อีก
วัดไพชยนต์พลเสพย์ราชวรวิหาร
วัดไพชยนต์พลเสพย์ เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่วัด มีเขตสังฆวาสอยู่ทาง ด้านเหนือและตะวันตก เขตพุทธาวาสอยู่ทางด้านใต้และยังมีท่ะรณีสงฆ์ติดกับท ี่ตั้งวัดออกไปทางทิศใต้ และทิศตะวันออกอีกด้วย อาณาเขตที่ตั้งวัดทิศเหนือติดกับคลองเพลง ทิศใต้ติดกับลำประโดง ทิศตะวันออกติดกับคลองลัดหลวงทิศตะวันตกติดกับถนนหลั งวัด
วัดไพชยนต์พลเสพย์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 ประมาณ พ.ศ. 2362 ในคราวที่สร้างป้อมเมืองสมุทรปราการ จึงโปรดให้กรมพระราชวังบรมมหาศักดิพลเสพย์ เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นศักดิพลเสพย์ เจ้าต่างกรมกำกับราชการพระกลาโหมเป็นแม่กองทำการก่อส ร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ ที่ยังค้างอยู่ให้สร้างป้อมขึ้นป้อมหนึ่ง ชื่อว่า ป้อมเพชรหึงเปลี่ยนให้ขุดคลองลัดหลวงหลังเมืองนครเข ื่อนขันธ์คลองหนึ่งมาทะลุคลองตาลาวกรมหมื่นศักดิพลเส พย์ทรงสร้างวัดขึ้นในคลองลัดที่ชุดใหม่นี้วัดหนึ่ง คือวัดไพชยนต์พลเสพย์ ชื่อของ วัดไพชยนต์พลเสพย์ นี้ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงสันนิษฐานไว้ว่า คงจะเป็นนามใหม่ เดิมแรกเริ่มสร้างวัดในสมุยรัชกาลที่ 2 เห็นจะเรียกกันว่า วัดกรมศักดิ์ หรือ วัดปากลัด ถึงรัชกาลที่ 3 คนทั้งหลายคงจะเรียกว่า วัดวังหน้า และมาในรัชกาลที่ 4 จึงพระราชทานนามว่า วัดไพชยนต์พลเสพย์ คำว่า ไพชยนต์ น่าจะหมายถึง บุษบกยอดปรางค์ ซึ่งโปรดให้เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ในพระอุโบสถเป็นนิมิตและคำว่า พลเสพย์ มาจากสร้อยพระนามใของกรมพระราชวังบวรฯ ผู้ทรงสร้างวัดและถวายบุษบกในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่ง บุษบกนั้นเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสีหิงค์มาก่อน
วัดไพชยนต์พลเสพย์ เมื่อแรกสร้างวัดกรมหมท่นศักดิ์พลเสพย์คง จะเป็นธุระอุปการะมาโดยตลอด เมื่อกรมหมื่นศักดิพลเสพย์ ได้ทรงดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวนในรัชกาลที่ 3 วัดนี้ก็ยิ่งมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น และคงมีฐานะเป็นอารามหลวงในรัชกาลที่ 3
ปูชนียวัตถุ ถาวรวัตถุ และอาคารเสนาสนะ มีดังนี้
พระประธานในพระอุโบสถ ปางมารวิชัยเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นบุทอง ประดิษฐานอยู่บนบุษบกยอดปรางศ์จตุรมุข
พระพุทธรูปปางยืนถวาย ประดิษฐานอยู่ที่ซุ้มมุขหน้าพระวิหาร พระประธานในพระวิหาร ปางมารวิชัย และ มีพระโมคศัลลาน์ พระสารีบุตรยืนคู่กับ
พระพุทธรูปตามฝาผนังพระวิหารชั้นใน มีทั้งหมด รวม 44 องค์ ในซุ้มมุขหลัง พระวิหารมีรอยพระบาทจำลอง
พระเจดีย์ รูปย่อเหลี่ยมสิบสอง จำนวน 3 องค์ สร้างสมัยตั้งแต่เริ่มสร้างวัด
พระอุโบสถ ทรงจีน หน้าบันใช้จาน ชามลายครามประดับเป็นลวดลายดอกไม้ ซุ้มประตูหน้าก็เช่นกัน สร้าวราว พ.ศง 2562
พระวิการทรงจีน ศิลปะเช่นเดียวกับพระอุโบสถ สร้างราว พ.ศ.2367
กุฏิสงฆ์ จำนวน 12 หลัง
Bookmarks