ทริป "เขียวท้าหนาวครั้งที่2" 18-23 พ.ย.50

[ขวดหมาวัด]

ดอยชัวร์ย่าตอนเช้า น้ำตกที่เห็นคือน้ำตกสิริภูมิ

[ขวดหมาวัด]

หลังจากเราเราตื่นมาเราก็เก็บของเช็ครถผมถึงรู้ว่ารถ ผมเริ่มมีอาการวาวเริ่มยันแต่แก้ไขไม่ได้เพราะทำวาวพ ิเศษมามันต้องตัดเจียร์บางอย่างแต่เราไม่ได้เจียร์มา เราก็ต้องลุ้นให้มันยันอย่ามากแบบพอวิ่งได้ก็พอ ประมาณ8โมงกว่าเราเริ่มเดินทางจากดอยชัวร์ญ่าสู่ยอดด อยอินทนนท์ ในการวิ่งรถครั้งนี้วิ่งเร็วไม่ได้ครับเพราะมีหมอกหน ามากแบบมองได้ไม่เกิน7เมตร จุดสูงสุดของดอยจะอยู่เลยพระมหาธาตุไปอีกเกือบ10โลได ้ ณ.ยอดดอยอากาศเย็นครับแต่เราก็ไม่ได้หนาวซะปากเขียวห รอกเพราะ
เราพวกบ้าขนของอยู่แล้วเสื้อกันหนาวก็หนาแถมยังมีกาง เกงกันหนาวอีกชั้นถึงแม้อากาศจะเย็นแต่มันเย็นแบบสดช ื่นไม่หนาวเย็นแห้งๆเหมือนบ้านเรา(ชลบุรี-แปดริ้ว) หลังจากที่เราจอดรถตรงป้ายจุดสูงสุดในสยามก็มีนักท่อ งเที่ยวชาวไทยเข้ามาขอถ่ายด้วยและอยู่คุยกับเราพักหน ึ่งเขาเห็นป้ายทะเบียนรถผมเป็นของเชียงใหม่เขาคิดว่า พวกเรามาจากเชียงใหม่พอรู้ว่าเรามาจากชลบุรีกับแปดริ ้วกับถึงร้องว่า
โอ้ว..เขาถามว่ามากี่วันเราบอกเขาว่าวันนี้เป็นวันที ่4หลังจากนอนที่ขุนยวมมา1คืน ห้วยน้ำดังอีก1คืนและที่อินทนน์1คืนและจะกลับบ้านเลย เขาก็ร้องโอ้ว!!!และเขายังงงว่าทำไมเครื่องเดิมรถเดิ มท่อเดิมสามารถทำได้ขนาดนี้เลยเห็นแต่แถวบ้านเขาวางเ ครื่องเวฟท่อเอนดูร้านได้แต่วิ่งเสียงดังกวนชาวบ้านอ ยู่แค่นั้น ไม่เคยออกไปเที่ยวใหนเลย หลังจากคุยแล้วเราเดินไปยังป้ายสูงสุดในสยามที่อยู่ต รงสถานีเรด้าที่เราไม่สามารถถ่ายรูปไปทางด้านสถานีได ้เพราะเป็นความมั่นคงของชาติ ณ.ที่แห่งนี้เป็นจุดดูนกศิวะที่ทุกคนจะเห็นถ้ามาดอยอ ินทนนท์ถ้าใครไม่เห็นก็เกือบถือว่ามาไม่ถึง ผมยืนรอรับลมหนาวอยู่พักใหญ่ถึงได้เห็นต้องรอให้มันเ ข้ามาไกล้ๆด้วยเพราะไกลเราไม่เห็นเพราะหมอกหนามาก
ในวันพรุ่งนี้(23/11/50)เขามีงานสักการะพระเจ้าอินทวิชยานนท์ หลังจากที่เราถ่ายรูปที่ป้ายแล้วเราก็ไปสักการะกู่พร ะเจ้าอินทวิชยานนท์และเราก็ไปสัมผัสหมุดที่สูงที่สุด ในสยาม เราพยายามถูๆหมดให้เกิดความร้อนหรืออุ่นก็ได้เพราะมี คนบอกว่าถ้าใครทำให้หมุดนี้ร้อนหรืออุ่นก็ได้ โดยใช้มือโดยห้ามใช้อย่างอื่นจะถูกหวยรางวัลที่1 แล้วใครจะทำได้หละครับเพราะอากาศที่นี้เย็นทั้งปี
หลังจากเราสัมผัสหมุดแล้วเราเดินไปยังร้านค้าสวัสดิก ารที่ต้องเดินผ่านสะพานไม้ที่มุมะรรมชาติสวยดี

[ขวดหมาวัด]

ณ.ที่แห่งนี้สำหรับช่างนัยเป็นครั้งแรกที่มายืนแต่สำ หรับผมแล้วมันเป็นครั้งที่3การมาแต่ละครั้งของผมมาเช ียงใหม่3แบบ คือมาโดยรถทัวร์กับเพื่อนสมัยเรียนอุดมศึกษามาโดยรถไ ฟสมัยทำงานที่กรุงเทพ และครั้งนี้มาโดยรถส่วนตัว(มอเตอร์ไซด์) ถ้าดูให้ดีดูเหมือนว่าจะมาแบบโลโซลงเรื่อยๆหวังว่าคร ั้งหน้าคงไม่เดินมา

[ขวดหมาวัด]

สำหรับผมแล้วบนยอดดอยอยากได้บรรยากาศแบบนี้เป็นที่สุ ดมีหมอกรอบตัวอากาศเย็นๆสดชื่นจริงๆ

[ขวดหมาวัด]

มีอยู่คนเดียวหล่อสุดๆ

[ขวดหมาวัด]

เรามาถึงตรงร้านค้าสวัสดิการยอดดอยเราเห็นป้ายที่เขา ขึ้นไว้ว่าอุณหภูมิต่ำสุดเท่าไหร่จึงรู้ว่าต่ำสุด
7องศา ณ.เวลา0600น.แต่ตอนที่เรามาดูปรอทเกือบ09.00น.อุณหภู มิเหลือ8องศา แต่หลังจากที่เราลงมาแล้ว2วันมีข่าวว่าที่ดอยอินทนนท ์เหลือ0องศา เสียดายจังเราน่าจะไปมาช้าสัก2วันจะได้สัมผัสอุณหภูม ิ0องศาดู

[ขวดหมาวัด]

หลังจากที่เราดื่มกาแฟคนละแก้วเราก็กินไอศกรีมกันคนล ะโคนเราก็ไปซื้อของที่ละลึกกันเป็นหมวกไหมพรมและสติก เกอร์ของดอยอินทนนท์แน่นอนสำหรับหมวกก็ต้องเขียวอีกแ ล้ว หลังจากซื้อของ
เราก็ลงมาถ่ายรูปกับรถกับป้ายสูงสุดในสยามแล้วเราก็เ ดินทางอีกครั้งป้ายหน้าคือพระมหาธาติทั้ง2

[ขวดหมาวัด]

คู่เกย์แห่งปี em94

[ขวดหมาวัด]

ณ.ที่พระมหาธาตุเราต้องเสียค่าผ่านประตูอีกคนละ20บาท เพราะว่าเป็นสถานที่ของทหารอากาศ
ไม่รวมกับของอุทยาน เราจากเข้ามาแล้วเราก็เดินขึ้นไปสักการะพระมหาธาตุทา งด้านซ้ายมือก่อน
คือพระมหาธาตุเจดีย์ นภพลภูมสิริที่กำลังบูรณด้านนอกอยู่แตสามารถเข้าไปสั กการะด้านในได้
ที่เจดีแห่งนี้อากาศหนาวกว่าตรงหมุดสูงสุดและมีลมแรง มากสามารถพัดเด็กล้มได้เลย อากาศชื้นเพรามีหมอกเมฆพัดผ่านถ้ายืนอยู่นานๆตัวคงเป ียก เจดีย์จะเป็นสีเหลืองทองสร้างขึ้นเพื่อถวายให้กับในห ลวง

[ขวดหมาวัด]

พระมหาธาตุเจดีย์นภเมนีดลลมจะแรงน้อยกว่าเพราะมีเขาบ ังอยู่บ้าง ตอนที่เราไปเขาก็กำลังสร้างบันไดเลื่อน

[ขวดหมาวัด]

ภายในและภายนอก

[ขวดหมาวัด]

หลังจากเราออกมาจากพระมหาธาตุทั้ง2แล้วประมาณ300เมตร จะมีจุดชมวิวอยู่ทางด้านซ้ายมือ(ขาลง)แต่เราไม่ได้อย ู่ดูเพราะอากาศปิดมากมีแต่หมอกเต็มไปหมดมองไม่เห็นอะ ไรเลย เราเลยวิ่งไปน้ำตกวชิรธารเลย ขาลงเป็นการลงเขายาวๆต้องมีเบรคดีๆหน่อยไม่งั้นตกเขา แน่ พอเราไปถึงน้ำตกเดินไปชมน้ำตกแล้วผมก็ไม่กล้าคว้ากล้ องมาภ่ายรูปหรอกเพราะละอองของน้ำตกแรงมากยืนอยู่พักเ ดียวตัวเปียกเลย เลยเอาแต่มือถือถ่ายมาแบบต้องเร็วหน่อย ถ่ายปุบเก็บปั้บ น้ำตกจะอยู่เกือบจะถึงทาง
ออกของดอยอินทนนท์แล้วแต่ก่อนถึงทางแยกไปน้ำตกแม่กลา ง น้ำตกวชิรธารจะอยู่ทางด้านซ้ายมือแต่แม่กลางต้องเลี้ ยวขวามือตรงแยกอีก(ขาลง) หลังจากที่เราชมน้ำตกแล้วเราก็ตัดสินใจกลับบ้านเลยเพ ราะช่างนัยต้องไปใช้แรงขึ้นกุ้งเขาตอนเช้าของวันที่2 3/11/50ก่อนตี5

[ขวดหมาวัด]

กะว่ารูปนี้จะเป็นรูปสุดท้ายของทริปนี้แล้วเหลือคือก ารโฮปอย่างเดียว

[ขวดหมาวัด]

ตอนแรกพวกเราตั้งใจว่าพวกเราจะเปลี่ยนเส้นทางกลับโดย จะวิ่งขึ้นลำพูนแล้วเข้าลำปางเพื่อชมวิวข้างทางเส้นใ หม่และเป็นการหนีโค้งด้วยเพราะการที่มีโค้งจะทำให้กา รทำความเร็วของเราลดลง
แต่ตอนที่ช่างนัยลงมาจากดอยเข้าร้านเพื่ออ๊อกคันเกีย ร์ที่มันหักช่างเขาแนะนำให้วิ่งผ่านหมู่บ้านออกบ้านโ ฮ่งแล้วเข้าลี้เหมือนเดิม โดยเขาบอกว่าน้อยกว่ากันเกือบ100โลช่างนัยเชื่อเขาเล ยลืมนึกไปว่ามันจะผ่านโค้งเยอะ พอเราออกจากหมู่บ้านต่างขึ้นถนนใหญ่แล้ว ก็โฮบเลยครับเป้าหมายคืออ.ลี้

[ขวดหมาวัด]

เรามาถึงอ.ลี้เกือบเที่ยงแล้วเราหยุดเติมน้ำมันและเช ็คเครื่องและตั้งโซ่อยู่นั้นมีเด็กแถวนั้นเข้าคุยด้ว ยเขาก็มีซีเหมือนกันและเขาก็เห็นตอนเราไปด้วยที่แรกเ ขาคิดว่าเราเปลี่ยนเครื่องแล้ว พอมาเห็นเครื่องเราจริงๆก็อึ้ง และยังเห็นซีแถวนั้นวิ่งไปมาหลายคันเหมือนกัน เราออกเดินทางอีกครั้งเที่ยงกว่าเราขี่ออกมาจากตลาดไ ด้ประมาณ2โลผมก็ให้ช่างนัยนำหน้าเพื่อลองเช็คดูว่าถ้ าอยู่หลังจะประหยัดน้ำมันเท่าไหร่เพราะช่างนัยตอนขาไ ปอยู่หลังกินน้อยกว่าโดยตลอดแต่พอขึ้นเขาเข้าโค้งไม่ ดูดตูดกันกินพอๆกัน พอช่างนัยนำหน้าสักพักรถเริ่มไหลและเป็นช่วงลงเนินแล ้วมีโค้งตอนนั้นความเร็วเป็นร้อยแล้ว ผมเบรครถนิดหน่อยแต่รถสะบัดผมเลยไม่กล้าแบนโค้งต่อผม ได้แต่เหยียบเบรคให้สุดแล้ว
เกงหน้ารถให้ตรงแล้วหวังให้ไปลงหยุดตรงกอหญ้าข้างทาง แต่ผมคงดวงไม่ดีรถวิ่งตรงผ่านกอหญ้าแต่ในกอหญ้ามีตอห ม้ออยู่ แต่ตอนรถหยุดรถไม่ได้ล้มผมปล่อยลมเอง และผมพยายามเขนรถออกมาจากกอหญ้าแต่ลำบากหญ้าสูงและหน าเขนคนเดียวไม่ไหว สักพักช่างนัยก็วนรถกลับเข้ามาหาเรา และบอกว่าพอไม่เห็นก็นึกเลยต้องหลุดโค้งนี้แน่เพราะเ ขาเกือบหลุดเหมือนกัน พอเราช่วยกันเขนรถออกมาได้