~รายการ สนิมคำราม วาไรตี้~ - หน้า 2
                                
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 7 หน้า แรกแรก 1 2 3 4 5 6 7 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 16 ถึง 30 จากทั้งหมด 99

ชื่อกระทู้: ~รายการ สนิมคำราม วาไรตี้~

  1. #16
    _++อเมริโกย++_ Tangmo...'s Avatar
    วันที่สมัคร
    Aug 2007
    สถานที่
    สนิมคํารามเลย
    ข้อความ
    358
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    17

    มาตรฐาน ปวัติวงคาราบาวบ้างนะคับโดนสุดๆ



    ประวัติวงคาราบาว
    ครบรอบ ๒๕ ปี คาราบาว พ.ศ. ๒๕๔๙
    English Version



    วงดนตรี “คาราบาว” เริ่มต้นที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยนักศึกษาที่ชื่อ ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด) กับ กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เขียว) ได้รู้จักกันระหว่างที่ได้ไปศึกษาระดับปริญญาที่มหาว ิทยาลัยมาปัวฯ ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งบุคคลทั้งสองร่วมกันก่อตั้งวงดนตรีชื่อ “คาราบาว” ขึ้นมา คำว่า คาราบาว แปลว่า ควาย เป็นภาษาตากาล๊อก ใช้เรียกควายพื้นเมืองของฟิลิปปินส์ ควายเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการต่อสู้ แสดงถึงการทำงานหนัก แสดงถึงความอดทน อีกทั้งควายยังเป็นตัวแทนผู้ใช้แรงงาน และถือได้ว่าผู้ใช้แรงงานเป็นผู้ที่สร้างโลก ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ยืนยง โอภากุล จึงได้ใช้คำว่า “คาราบาว” พร้อมกับ “หัวควายมาเป็นสัญลักษณ์ของวงคาราบาว ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2520 เป็นต้นมา
    หลังจากสำเร็จการศึกษา กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร ได้ทำงานเป็นพนักงานฝ่ายประเมินราคาเครื่องจักรในบริ ษัทฟิลิปปินส์ ยาวนานถึง 6 ปี ส่วนยืนยง โอภากุล ก็ได้เดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อเริ่มงานเป็นสถาปนิกที่การเคหะแห่งชาติ พร้อมกับตระเวนเล่นดนตรีในเวลากลางคืนไปด้วย
    เมื่อทุกอย่างลงตัว นายยืนยง โอภากุล ก็ได้ลาออกจากงานประจำ มาเอาดีทางด้านดนตรีอย่างเดียว พร้อมชักชวนให้เพื่อนสนิท กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร ที่กำลังทำงานในบริษัทฟิลิปส์ที่ตั้งอยู่สาขาในประเท ศไทย ลาออกมาด้วยเช่นกัน เพื่อทำงานด้านดนตรี มาสร้างวงคาราบาว อย่างเต็มตัว


    อัลบั้มชุดที่ 1 ของ “คาราบาว” เริ่มขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2524 ใช้ชื่อชุดว่า “ขี้เมา” โดยมีแอ๊ด และเขียวเป็นแกนนำ ซึ่งเพลงของคาราบาวในยุคนี้ ถือได้ว่าเป็นบทเพลงที่ได้รับอิทธิพลมาจากฟิลิปปินส์ มาพอสมควร อย่างเช่น ลุงขี้เมา และเพลงที่ถือได้ว่าเป็นเพลงเปิดตัวของวงคาราบาวได้ด ีที่สุดคือ เพลงมนต์เพลงคาราบาว ส่วนบทเพลงแรกของคาราบาวที่แอ๊ดได้ประพันธ์ไว้คือ “ถึกควายทุย” เป็นเรื่องราวของการใช้ชีวิตของบุคคลที่ถูกสร้างขึ้น มาให้ถูกให้ ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ ทุกอัลบั้ม จนกล่าวได้ว่าเป็นเพลงบัลลาดที่ถูกเล่าขานได้ยาวนานท ี่สุด
    หลังจากที่อัลบั้มชุดแรกออกไปแล้วนั้น ยืนยง โอภากุล ได้ชักชวน ปรีชา ชนะภัย (เล็ก) มือกีต้าร์ และ อนุพงษ์ ประถมปัทมะ (อ๊อด) มือเบส เข้ามาร่วมวงคาราบาว ซึ่งในขณะนั้น เล็กและอ๊อด ได้เป็นนักดนตรีอาชีพประจำอยู่กับวงเพรสซิเด้นส์ และมีภาระกิจจะต้องไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศกับเพร สซิเด้นท์ให้เรียบร้อย จึงกลับมาอยู่กับคาราบาวอย่างเต็มตัว
    เข้าสู่ปี พ.ศ. 2525 ยุคสมโภชน์ฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ครบรอบ 200 ปี อัลบั้มชุดที่ 2 “แป๊ะขายขวด” ได้เกิดขึ้นมา โดยได้ปรีชา ชนะภัย (เล็ก) เข้ามาเป็นสมาชิกคนที่ 3 ของคาราบาวและร่วมทำอัลบั้มนี้ออกมา โดยให้ พีค๊อกเป็นผู้ผลิต ซึ่งได้ทำเทปออกมา 20,000 ม้วน แต่ขณะนั้นทั้งสองอัลบั้มยังถือว่าไม่สบความสำเร็จเท ่าที่ควร แต่บทเพลงที่โดดเด่นในยุคนี้ก็คือ เพลงกัญชา ที่แอ๊ด คาราบาว มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในการร้อง โดยการลากเสียงได้ยาวนานจนทำให้ผู้ชมต้องเงียบสงัดกั นไปเมื่อบทเพลงนี้ถูกร้องขึ้น
    ด้วยความมุ่งมั่นของแอ๊ด ทำให้บทเพลงของคาราบาวมีเอกลักษณ์ โดยสะท้อนภาพของสังคมไทยมากขึ้น โดยแอ๊ดได้แต่งเพลงในสไตล์ที่เมืองไทยยังไม่มี ณ ขณะนั้น ในเพลงที่ชื่อว่า “วณิพก” โดยทำดนตรีจังหวะ 3 ช่า สนุกสนาน อีกทั้งเนื้อหาโดนใจคนฟัง และ “วณิพก” นี้เอง ได้ถูกตั้งเป็นชื่ออัลบั้มชุดที่ 3 ของคาราบาว ในปี พ.ศ. 2526 และอัลบั้มนี้เองทำให้ คาราบาวเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงทั่วประเทศมากขึ้น และอัลบั้มชุดนี้ ได้มือเบส ที่ชื่อ ไพรัช เพิ่มฉลาด (รัช) เข้ามาร่วมทำงานกับวงคาราบาว
    หลังจากนั้นไม่นาน คาราบาวได้ออกอัลบั้มชุดที่ 4 “ท.ทหารอดทน” และถือเป็นอัลบั้มแรกที่คาราบาวโดนแบนเพลง และเพลงที่ถูกแบนก็คือ ท.ทหารอดทน ซึ่งมีเนื้อหาที่ไปพาดพิงเกี่ยวกับทหาร นอกจากนี้ยังมีบทเพลงที่สะท้อนชีวิต เช่นเพลง ตุ๊กตา , คนเก็บฟืน ถือว่าเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมมาก และอัลบั้มชุดนี้ได้ นักดนตรีอาชีพจากห้องอัดอโซน่าเข้ามาเป็นสมาชิกร่วมก ับคาราบาวอย่างเต็มตัว คือ เทียรี่ เมฆวัฒนา (รี่) ตำแหน่งกีต้าร์, อาจารย์ ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ตำแหน่งเครื่องเป่า และ อำนาจลูกจันทร์ (เป้า) ตำแหน่งกลอง
    ต่อมาปี พ.ศ. 2527 คาราบาวขึ้นสู่จุดสูงสุด ด้วยอัลบั้มชุดประวัติศาสตร์ ชุดที่ 5 “เมดอินไทยแลนด์” เป็นอัลบั้มที่สร้างชื่อเสียงให้กับคาราบาวมากที่สุด ด้วยบทเพลงที่ชื่อ “เมดอินไทยแลนด์” ที่มีเนื้อหาประจวบเหมาะกับการลดค่าเงินบาทของรัฐบาล ในสมัยนั้น แล้วรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ใช้สินค้าของไทย ทำให้เมดอินไทยแลนด์เป็นอัลบั้มที่ทะลุเป้า ยอดขายกว่า 5 ล้านตลับ และคาราบาวมีการทัวร์คอนเสิร์ตทั้งในประเทศและต่างปร ะเทศ และอัลบั้มเมดอินไทยแลนด์นี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงนักดนตรีของคาราบาวครั้งสำคัญ ซึ่งมือเบสจากวงเพรสซิเด้นท์ได้เสร็จสิ้นภาระกิจทัวร ์คอนเสิร์ตจากอเมริกา และกลับเข้ามาร่วมกับคาราบาว บุคคลผู้นั้นคือ อนุพงษ์ ประถมปัทมะ (อ๊อด) และบุคคลที่ต้องออกจากวงคาราบาวไปด้วยความเสียใจของป ระชาชน ก็คือ ไพรัช เพิ่มฉลาด (รัช) มือเบสเดิมของคาราบาว ทั้งนี้เป็นเรื่องของการต่อสู้ การทำงานของวงคาราบาว
    ซึ่งนับได้ว่าอัลบั้มชุดเมดอินไทยแลนด์เป็นยุคที่มีส มาชิกครบทั้ง 7 คน ประกอบไปด้วย

    สมาชิกคาราบาว (ยุคคลาสิก) พ.ศ.๒๕๒๔-พ.ศ.๒๕๓๑
    1. นายยืนยง โอภากุล (แอ๊ด) (กีต้าร์ , ร้องนำ) หัวหน้าวงคาราบาว 2. นายกิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เขียว) (คียบอร์ด, เพอคัสชั่น, กีต้าร์)
    3. นายปรีชา ชนะภัย (เล็ก) (กีต้าร์ , ร้องนำ) 4. นายเทียรี่ เมฆวัฒนา (รี่) (กีต้าร์ , ร้องนำ)
    5. นายธนิศร์ ศรีกลิ่นดี (อาจารย์) (คียบอร์ด, เครื่องเป่า) 6. นายอำนาจ ลูกจันทร์ (เป้า) (กลอง)
    7. นายอนุพงษ์ ประถมปัทมะ (อ๊อด) (เบส) 7. นายไพรัช เพิ่มฉลาด (รัช) (เบส)

    สมาชิกคาราบาว (ยุคปัจจุบันเพิ่มเติม) พ.ศ.๒๕๓๔-พ.ศ.๒๕๔๘
    8. นายลือชัย งามสม (ดุก) (คีย์บอร์ด) 9. นายขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ (หมี) (กีต้าร์)
    10. นายชูชาติ หนูด้วง (โก้) (กลองมือ1) 11. นายศยาพร สิงห์ทอง (น้อง) (เพอคัสชั่น)
    12. นายเทพผจญ พันธพงษ์ไทย (อ้วน) (กลองมือ 2)


    เมดอินไทยแลนด์ สามารถสร้างค่านิยมไทยกลับคืนมาสู่สังคมไทยได้รวดเร็ ว โดยคาราบาวได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศไทย อีกทั้งยังนำเมดอินไทยแลนด์ไปสร้างชื่อยังต่างแดน อย่างเช่น อเมริกา อีกด้วย
    หลังจากอัลบั้มเมดอินไทยแลนด์ ได้สร้างชื่อเสียงให้คาราบาวเป็นที่รู้จักไปทั่วประเ ทศ ทำให้การทำงานของคาราบาวในชุดต่อๆ ไป ต้องมีมาตรฐานที่เท่ากับเมดอินไทยแลนด์และต้องดียิ่ง ขึ้นไป
    ซึ่งเป็นผลพวงจากความสำเร็จในอัลบั้มเมดอินไทยแลนด์น ี้เอง ทำให้คาราบาวได้มีห้องอัด เซ็นเตอร์สเตจขึ้นมา ซึ่งเป็นห้องอัดของวงคาราบาวเอง และต่อมาใน ปี พ.ศ.2528 คาราบาวได้ออกผลงานชุดที่ 6 ชื่อชุด “อเมริโกย” ซึ่งอัลบั้มชุดนี้ คาราบาวได้ใช้ห้องบันทึกเสียง เซ็นเตอร์สเตจนี้ เป็นห้องบันทึกเสียงทุกบทเพลงของคาราบาว แนวเพลงของชุดนี้ยังคงเกาะติดถึงสถานการณ์บ้านเมือง โดยคาราบาวได้นำเหตุการณ์และความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ ณ ขณะนั้น อย่างปัญหาชาวนาและการประกันราคาข้าว อเมริกาจำกัดโควต้าการนำเข้าสิ่งทอไทย มาเขียนเป็นเพลงและขับขานให้ประชาชนได้ฟัง ในเพลงอเมริโกย เนื้อหาทางดนตรียังคงเรียบง่ายชัดเจน แต่มีการพัฒนาการทางด้านดนตรีเพิ่มขึ้น
    ในปี พ.ศ. 2529 อัลบั้มชุดที่ 7 “ประชาธิปไตย” ด้วยกระแสการเรียกร้องประชาธิปไตยในสถานการณ์บ้านเมื องในยุคนั้นต้องการประชาธิปไตย คาราบาวสะท้อนภาพการได้มาซึ่งประชาธิปไตยผ่านบทเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลง ประชาธิปไตย ผู้ทน และยังมีบทเพลงที่ปลุกใจอย่างเจ้าตาก ที่กระหึ่มกึกก้อง ทั่วธรนิน และบทเพลงอื่นๆ อีก ที่ล้วนแล้วแต่เป็นบทเพลง ที่มีคุณค่าต่อสังคมไทย และอัลบั้มนี้โดน กบว. แบนเพลงคาราบาวไปสามเพลงตามระเบียบ
    ในปี พ.ศ. 2530 อัลบั้มชุดที่ 8 “เวลคัมทูไทยแลนด์” หรือเวรกรรมสู่ไทยแลนด์ คาราบาวออกอัลบั้มนี้มาต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวไทยใน ยุคนั้น เพื่อที่จะชักชวนชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเท ศไทย ดนตรีในชุดนี้เป็นดนตรีที่ฟังสบายๆ มีกลิ่นอายของความเป็นไทย อย่างเช่น เวลคัมทูไทยแลนด์ หรือเพลงที่ฟังง่ายอย่างเพลง สบายกว่า ที่ร้องแนวประชดประชัน หรือเพลงบาปบริสุทธิ์ ที่เป็นเรื่องราวของคนรักกันที่ส่งผลถึงลูก หรือเพลงสังกะสี ที่สะท้อนชีวิตของกรรมกร และในอัลบั้มชุดนี้เอง ได้สร้างนักร้องน้องใหม่ของวงการดนตรีไทยขึ้นมา ด้วยเพลงสนุกสนานที่ชื่อ กระถางดอกไม้ให้คุณ โดยอนุพงษ์ ประถมปัทมะ (อ๊อด) มือเบสของคาราบาว
    ในปี พ.ศ. 2531 อัลบั้มชุดที่ 9 “ทับหลัง” สถานการณ์ของประเทศไทยในช่วงนั้น เป็นการต่อสู้เพื่อทวงทับหลังนารายณ์บรรทมศีลที่ไปตก อยู่ในมือของต่างชาติกลับคืนมา โดยมีรัฐบาลไทยได้ทำการเรียกร้องขอคืน ซึ่งหลังจากนั้นทางประเทศไทยได้ทับหลังคืนมาสู่แผ่นด ินแม่ได้ และไม่น่าเชื่อว่า อัลบั้มชุดทับหลัง จะเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายของการทำงานของสมาชิกคาราบาว ทั้ง 7 คน ด้วยเหตุผลอื่นๆอีกมากมาย ที่ไม่สามารถทำให้สมาชิกคาราบาวรวมตัวกันทำงานต่อไปไ ด้
    แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) หัวเรือใหญ่ของวงคาราบาว ก็ได้ให้คำสัญญากับพี่น้องแฟนเพลงคาราบาวในคอนเสิร์ต เวทีสุดท้าย ก่อนจะเหลือเพียงความทรงจำ เอ็มบีเคฮอล์ มาบุญครองเซ็นเตอร์ ในคอนเสิร์ต ฅน คาราบาว ว่า ถึงจุดที่สมาชิกคาราบาวต้องแยกย้ายออกไปจากคาราบาว ไปทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีคาราบาวต่อไป
    ในปี พ.ศ. 2533 เหลือสมาชิกในวงเพียง 4 คน ประกอบไปด้วย แอ๊ด เขียว เล็ก และอ๊อด ที่ยังคงเป็นแกนนำของคาราบาวในอัลบั้มชุดนี้ โดยมีวงตาวัน เข้ามาเป็นแบ๊คอัพ และสร้างสรรค์อัลบั้มชุดที่ 10 ขึ้นมา โดยใช้ชื่อชุดว่า “ห้ามจอดควาย” ขึ้นมาในนามของคาราบาว โดยมีสีสันทางด้านดนตรีต่างไปจากชุดเดิม แต่ก็ยังคงบทเพลงแนวทางเดิมของคาราบาว เพลงเด่นในชุดนี้ได้แก่ สัญญาหน้าฝน ที่แอ๊ด คาราบาว เขียนขึ้นให้เพื่อนรัก เขียว คาราบาวได้ร้องเพลงนี้ จนเป็นบทเพลงประจำตัวของเขียวคาราบาวไปเลย และบทเพลงถึกควายทุย ค.เขาเดียว ในอัลบั้มนี้ ถือเป็นบทเพลงภาคสุดท้ายของบทเพลงถึกควายทุยที่ถูกเล ่าขานตั้งแต่ชุดที่ 1 ถึงชุดนี้
    หลังจากอัลบั้มชุดที่ 10 "ห้ามจอดควาย" สมาชิกของคาราบาวอีก 3 คนที่เหลือ ประกอบไปด้วย เทียรี่ เมฆวัฒนา อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี และ อำนาจ ลูกจันทร์ รวมตัวกันเริ่มไปทำงานเดี่ยวของตัวเอง และนอกจากนั้น ยืนยง โอภากุล ปรีชา ชนะภัย กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร ก็ได้ทยอยไปทำงานเดี่ยวของตนเองเช่นกัน
    ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับสมาชิกคาราบาวทั้ง 7 คน เป็นคำตอบของแฟนเพลงคาราบาว แต่ความเป็นจริงแล้ว การแยกย้ายกันออกไปทำเดี่ยวของแต่ละคนนั้น เป็นสิ่งที่เราเรียกว่าการถึงจุดอิ่มตัวของความเป็นค าราบาวการทำงานด้วยกันมานานของสมาชิกทั้ง 7 คนนั้น ความขัดแย้งในการทำงานย่อมมีขึ้นเป็นธรรมดา แต่อย่างไรก็ดี สมาชิกทุกคนก็ยังไปมาหาสู่และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยตลอด
    ในปี พ.ศ. 2534 คาราบาวโดยหัวเรือใหญ่ แอ๊ด คาราบาว ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 11"วิชาแพะ" โดยมีสมาชิกคาราบาวเพียง 3 คนเท่านั้นคือ แอ๊ด เล็ก และอ๊อด และได้นักดนตรีอาชีพเข้ามาช่วยทำงานให้คาราบาว อาทิเช่น ลือชัย งามสม (ดุก) ตำแหน่งคีย์บอร์ด, ชูชาติ หนูด้วง (โก้) ตำแหน่งกลอง, ขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ (หมี) ตำแหน่งกีต้าร์, ศยาพร สิงห์ทอง (น้อง) ตำแหน่งเพอร์คัสชั่น โดยแนวทางดนตรีของอัลบั้มชุดวิชาแพะนี้ จะมีหลากหลาย แต่ก็ยังคงแนวทางการเมืองอยู่ อาทิเช่นเพลง นาย ก. เป็นการเรียกร้องผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้นำของประเท ศจะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน


    ในปี พ.ศ. 2535 อัลบั้มชุดที่ 12 “สัจจะ 10 ประการ” คาราบาวเกาะสถานการณ์การเมืองไทย รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ คาราบาวได้แต่งเพลงให้สำหนับนักการเมือง อาทิเช่น เพลงสัจจะ 10 ประการ หรือเพลงเกี่ยวกับการอนุรักษ์น้ำ เพลงน้ำ เพราะสถานการณ์ช่วงนั้น ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะวิกฤตขาดแคลนน้ำ รัฐบาลออกมารณรงค์ให้ประชาชนคนไทยร่วมกันประหยัดน้ำ และรัฐบาลได้เลือกวงดนตรีคาราบาว ให้ทัวร์คอนเสิร์ตรณรงค์เรื่องน้ำด้วยเช่นกัน
    ในปี พ.ศ. 2536 เป็นอัลบั้มชุดที่ 13 “ช้างไห้” โดยมีแกนนำคาราบาวเพียง 2 คนเท่านั้นคือ แอ๊ด กับ อ๊อด พร้อมกับนักดนตรีแบ็คอัพชุดเดิม ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานเพลงในชุดช้างไห้นี้ โดยอัลบั้มนี้จะพูดถึงเรื่องธรรมชาติ การใช้ชีวิตของคน และบทเพลงที่ให้กำลังใจ
    ในปี พ.ศ. 2537 อัลบั้มชุดที่ 14 “คนสร้างชาติ” คาราบาวเขียนบทเพลง คนสร้างชาติขึ้นมา เพื่อปลุกจิตสำนึกให้กับคนไทยให้รักชาติ และได้คุณพยัคฆ์ คำพันธุ์ เซียนพระมือหนึ่งแห่งประเทศไทย มาแต่งเพลงหลวงพ่อคูณให้กับคาราบาว สร้างความโด่งดังไปทั่วเมือง และในอัลบั้มนี้ ในฐานะคนเพื่อชีวิตแอ๊ดคาราบาวได้แต่งเพลง ครบรอบ 20 ปีคาราวานให้กับวงคาราวานอีกด้วย
    ในปี พ.ศ. 2538 อัลบั้มชุดที่ 15 “แจกกล้วย” คาราบาวได้พูดการกระจายอำนาจไปสู่การเมืองระดับท้องถ ิ่น ในเพลงกำนันผู้ใหญ่บ้าน และเพลงที่เสียดสีผู้ที่โกงกินบ้านเมืองกับเพลง ค้างคาวกินกล้วย และเพลงเดินขบวนที่พยายามบอกกับรัฐบาลว่า ชาวบ้านเดือดร้อนจึงเดินขบวนประท้วงเรียกร้องกับปัญห าที่เกิดขึ้นต่างๆ
    อีกไม่กี่เดือนผ่านมาในปี พ.ศ. 2538 สิ่งที่แฟนเพลงคาราบาวรอคอยก็มาถึง สมาชิกคาราบาวทั้ง 7 คน ได้กลับมารวมตัวกันเฉพาะกิจ ในวาระครบรอบ 15 ปีคาราบาว และได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานเพลงออกมาในอัลบั้มชุดท ี่ 16 ให้ชื่ออัลบั้มว่า "หากหัวใจยังรักควาย" ประกอบไปด้วย “หากหัวใจยังรักควาย1 และหากหัวใจยังรักควาย 2” บทเพลง 20 เพลงเต็มอิ่มสมกับการรอคอยที่ยาวนาน โดยมีเพลงจังหวะสามช่า เพลงสามช่าคาราบาว เป็นเพลงที่เล่าเรื่องราว 15 ปีของคาราบาวได้เป็นอย่างดี และมีเพลงอื่นๆ ที่เกาะสถานการณ์อย่างเช่น อองซานซูจี เต้าหู้ยี้ รวมถึงบทเพลงแนวปรัชญาอย่างเช่นเพลง ลุงฟาง เป็นต้น
    ในปี พ.ศ. 2540 อัลบั้มชุดที่ 17 “เส้นทางสายปลาแดก” บทเพลงในอัลบั้มนี้เป็นบทเพลงที่ร่วมอนุรักษ์ความเป็ นไทย เช่น เพลงน้ำพริกแกงป่า เพลงกลองยาว และยังเป็นการครบรอบปีที่ 12 ของบทเพลงเมดอินไทยแลนด์ ซึ่งมีการเรียบเรียงดนตรีใหม่มาไว้ในอัลบั้มนี้ด้วย
    ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2540 อัลบั้มชุดที่18 “เช ยังไม่ตาย” บทเพลงในอัลบั้มนี้ได้กล่าวถึงบุคคลที่เป็นนักต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็น เช กูวารา , อองซาน ซูจี , อัสนี พลจันทร์ บทเพลงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญในการต่อส ู้ต่ออำนาจเผด็จการต่างๆ เพื่อเป็นตัวอย่างให้บุคคลรุ่นหลังได้รับรู้ต่อไป
    ในปี พ.ศ. 2541 อัลบั้มชุดที่ 19 “อเมริกันอันธพาล” เป็นการกลับมาร่วมงานกับคาราบาวอีกครั้งของ ปรีชา ชนะภัย (เล็ก) เทียรี่ เมฆวัฒนา (รี่) และกิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เขียว) บทเพลงในอัลบั้มนี้ แอ๊ด คาราบาวได้ร้องเพลงเหน็บแนมประเทศมหาอำนาจสหรัฐอเมริ กา ในเพลงอเมริกันอันฑพาล ซึ่งอเมริกันได้ออกกลอุบายตั้ง IMF ขึ้น ปล่อยเงินกู้ให้ประเทศไทย จนทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้อเมริกาอย่างมหาศาล และการกลับเข้ามาทำงานของสมาชิกคาราบาวเดิม เล็ก คาราบาว ได้ร้องเพลงเกี่ยวกับเด็ก ชื่อเพลงไอ้หนู ส่วนเทียรี่ได้มาขับขานเพลงรักตามสไตล์ตัวเอง ในชื่อเพลงรักนี้มีแต่เธอ ได้อย่างประทับใจ
    ปลายปี พ.ศ. 2541 อัลบั้มชุดที่ 20 “พออยู่พอกิน” ในยุคนี้ประเทศไทยมีหนี้สินจากต่างประเทศมหาศาล ทำให้ระบบเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง ประชาชนคนไทยใช้จ่ายไม่คล่องตัวเหมือนแต่ก่อน เพลงพออยู่พอกิน เป็นเพลงที่มาจากพระบรมชาโอวาทจากในหลวง ให้ประชาชนคนไทยใช้ชีวิตแบบพออยู่พอกิน ไม่ฟุ้งเฟ้อ นอกจากนี้ยังมีบทเพลง
    ในปี พ.ศ. 2543 อัลบั้มชุดที่ 21 “เซียมหล่อตือ” ยังคงเกาะกระแสการเมือง โดยมีเพลงเซียมหล่อตือ หมูสยาม เหน็บแนมนักการเมืองที่ชอบกินบ้านโกงเมืองในภาวะสถาน การณ์ของประเทศระส่ำย่ำแย่ ต่อด้วยเพลงสัญญาหน้าเลือกตั้ง ที่ให้บอกกับประชาชนว่าอย่าไปซื้อสิทธิ์ขายเสียงในกา รเลือกตั้ง นอกจากนี้ เพลงบางระจันวันเพ็ญ ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องบางระจัน ที่โด่งดังไปทั่วประเทศ ก็อยู่ในอัลบั้มนี้ด้วยเช่นกัน
    ในปี พ.ศ. 2544 อัลบั้มชุดที่ 22 “สาวเบียร์ช้าง” อัลบั้มชุดนี้อยู่ในช่วงที่รัฐบาลที่มีนโยบายให้ปิดส ถานบริการกลางคืนในเวลาที่กำหนด ทำให้คนทำงานกลางคืนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า เพลง ปุรชัยเคอร์ฟิว และเพลงอดติ๊บอดตาย เป็นคำตอบของปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดี นอกจากนี้ยังมีเพลงที่ไว้อาลัยเหตุกาณ์ตึกถล่มที่เวิ ล์ดเทรดเซ็นเตอร์ ที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ในเพลง เดือน 9 เช้า 11
    ในปี พ.ศ. 2545 อัลบั้มชุดที่ 23 “นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” อัลบั้มนี้ออกมาพร้อมกับธุรกิจใหม่ของหัวเรือใหญ่แห่ งคาราบาวคือ ยืนยง โอภากุล นั่นก็คือ ธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลังยี่ห้อคาราบาวแดง โดยใช้สโลแกนนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นตัวนำ โดยนำนักต่อสู้ในอดีตแต่ละยุคสมัยมาเป็นจุดขาย ผลงานเพลงชุดนี้นับว่ามีเพลงมากที่สุดตั้งแต่คาราบาว ออกอัลบั้มมา มากถึง 13 เพลง มีเพลงดีๆ อย่าง คนล่าฝัน เป็นเพลงที่ฟังแล้วทำให้ผู้ที่จะยอมแพ้ต่อสู้กับชีวิ ตขึ้นมาได้ และยังมีเพลงนมหด ที่แอ๊ดแต่งต่อว่าพวกชอบเอาเปรียบนักเรียน เอานมบูดมาให้นักเรียนกินกัน และยังมีบทเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องพรางชมพู ที่แอ๊ดได้แสดงและแต่งเพลงให้สองเพลง ชื่อเพลงพรางชมพู และเรากระทบตุ้ด
    ในปี พ.ศ.2546 คาราบาวไม่มีผลงานเพลงชุดใหม่ในปีนี้ แต่คาราบาวได้นำอัลบั้มที่เป็นประวัติศาสตร์ในปี พ.ศ.2547 ของคาราบาวมาบันทึกเสียงใหม่ทั้งหมด นั่นคือ อัลบั้ม "เมดอินไทยแลนด์" โดยใช้ชื่ออัลบั้มนี้ว่า "เมดอินไทยแลนด์ ภาค 2546 สังคายนา" เพราะด้วยความตั้งใจของ แอ๊ด คาราบาว ที่ต้องการทำให้อัลบั้มชุดมาสเตอร์พีชนี้ มีความสมบูรณ์ที่สุด ในทุกๆ ด้าน เพื่อคงสภาพงานอัลบั้มคลาสสิคที่สุดของคาราบาวให้ยั่ งยืนชั่วกาลนาน ด้วยคุณภาพของการบันทึกเสียงในยุคนี้
    ในปี พ.ศ. 2548 อัลบั้มชุดที่ 24 “สามัคคีประเทศไทย” ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศไทยในยุคนี้ เข้าสู่ยุควิกฤตทางสังคม มีกลุ่มคนร้ายที่ก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้น ใน 3 จังหวัดชายแดนภายใต้ของไทย ทำให้ประชาชนคนไทยเกิดความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน คาราบาวได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสมานฉันท์ของค นไทยโดยใช้เสียงเพลงเป็นสื่อกลางในการสร้างความเข้าใ จอันดีต่อกัน ในเพลง “ขวานไทยใจหนึ่งเดียว” และเพลงสามัคคีประเทศไทย เพื่อปลุกใจให้คนไทยรักกัน นอกจากนี้ยังมีเพลง อยู่กับก๋ง ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องอยู่กับก๋งที่คาราบ าวได้แต่งขึ้นไว้ โดยเนื้อหาของบทเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่สร้างสำนึกที่ดี ให้กับบุญคุณของประเทศไทย
    ไม่เพียงแต่ 24 อัลบั้มนี้เท่านั้น ยังมีผลงานอัลบั้มอื่นๆ ที่ออกมาคาบเกี่ยวระหว่าง 24 อัลบั้มนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อัลบั้มพิเศษในวาระต่างๆ อัลบั้มบันทึกการแสดงสดคาราบาว หรืออัลบั้มเดี่ยวของศิลปินคาราบาว เป็นต้น กล่าวได้ว่า คาราบาวเป็นวงดนตรีวงแรกและวงเดียวในประเทศไทย ที่มีการทำงานอย่างต่อเนื่องและยาวที่สุด อีกทั้งได้สร้างสรรค์บทเพลงที่มีคุณูประการกับสังคมไ ทยมากมาย หลายยุค หลายสมัย แต่ละบทเพลงล้วนแล้วแต่ความหมายที่ดี ที่สามารถนำไปเป็นข้อคิดในการดำรงชีวิตของทุกทคนได้

    www.storm riders.com
    Rust wordRam._cafe"pub
    LOEIcity } fanclub
    0885483038 ตุ๊ก

  2. #17
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,016
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Talking จักรยานเจ้ากำ

    ลองอีกทีกับคนที่ชอบขี่จักรยาน
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตาลีบัน : 01-08-2009 เมื่อ 22:45
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  3. #18
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,016
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Cool ประวัติ Bob Marley กันบ้าง


    “บ็อบ มาร์เลย์” หรือชื่อจริงว่า "โรเบิร์ต เนสต้า มาร์เลย์" เป็นนักดนตรีเพื่อชีวิตเพื่อการต่อสู้ของประชาชนที่ย ิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลคนหนึ่งของโลกเกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1945 ในเกิด ในชุมชนคนผิวดำ ในเมืองเชนต์เเอน ์ ของประเทศจาไมกา ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่อยู่ระหว่างหลักไมล์ที่แปดกับเ ก้าระหว่างทางมุ่งสู่อัลวาเรียกตามภาษาคนท้องถิ่นว่า หลักเก้า ณ ประเทศ จาไมก้าเป็นบุตรของ นางซีเดลล่า กับ ร้อยเอก นอร์วัล มาร์เลย์ เติบโตท่ามกลางชุมชนทาสเเละครอบครัวที่เเตกเเยกพ่อเป ็นคนผิวขาวชาวอังกฤษที่ทำงานอยู่่กับราชนาวีอังกฤษ แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้เป็นพ่อพ่อจึงเป็นเพีย งแค่คนรู้จักที่มาเยี่ยมเยียนในบางโอกาสเท่านั้น เขาจึงเติบโตมากับแม่ ปี 1957 มารดาพาอพยบสู่เมืองหลวง คือกรุงคิงสตัน อาศัยอยู่ในสลัม "เทรนช์ทาวน์" ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของคนจน มีวิถีตามความเชื่อดั่งเดิมของคนดำ คือ เชื่อว่าตนเป็นลูกหลานของกษัตริย์ โซโลมอน เเละเป็นชนชาวยิวพลัดถิ่นรอวันกลับสู่เเผ่นดินของตน ถิ่นนี้เป็นเเหล่งกำเนิดวัฒนธรรมและลัทธิ รัสตาฟาเรียนิสม์ ชีวิตวัยเด็กบ๊อบมีนิสัยเห็นเเก่ตัว เเต่ไม่มีนิสัยลักขโมยเเบบเด็กสลัมทั่วไปเขารักเพื่อ นเเละทำเเทบทุกอย่างเพื่อเพื่อน อายุ 17 ปีก็เริ่มทุ่มเทให้กับการร้องเพลง เเละฝึกฝนอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการร้องในโรงภาพยนต์ เเละไช้เวลาหลังจากเลิกเรียนหัดร้องเพลงกับเพื่อนๆเเ ทนการทำการบ้าน จนได้มีโอกาสเรียนรู้ด้านดนตรี จาก โจฮิกก์ส ศาสตราจารย์ข้างถนนที่มีความสามารถทางดนตรี อย่างเยี่ยมยอด เริ่มก่อตั้งวงดนตรีกับ บันนี เเละ ปีเตอร์ เเมคอินทอช เล่นเพลงป๊อปอเมริกาเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพในระหว่างฝึ กฝนด้านดนตรี เเละมีเเผ่นเสียงของตนเองออกจำหน่ายในปี 1962

    ปี 1963 ก่อตั้งวง เดอะ เวลลิงรูดบอยส์ กับเพื่อน 6 คนวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1966 เเต่งงานครั้งเเรกกับ ริต้า เเอนเดอร์สัน

    ปี 1960 จังหวะเพลงสกาเริ่มช้าลงเปลี่ยนเป็น ร็อคสเตดีจนผสมผสานระหว่างอเมริกากับจาไมก้ากลายมาเป ็น ดนตรีที่เรียกว่า"เร็กเก้"เเต่ยังไม่เป็นที่นิยมเพรา ะกระเเสเพลงร็อคยังร้อนเเรงอยู่ เวลาผ่านไปบทเพลงเร็กเก้เริ่มเป็นที่นิยมเพลงเร็กเก้ เพลงเเรกที่บันทึกเสียงออกสู่ตลาดในปี 1968 เป็นผลงานของทูตส์ ฮิบเบิร์ต เเห่งวง เดอะ เมย์ตัลส์ จังหวะเร็กเก้เป็นจังหวะที่เน้นความสำคัญของกลองเเละ เบส การให้จังหวะของกลองเเละเครื่องเป่า จังหวะการเคาะที่เเตกต่างจากจังหวะร็อคคืออยู่ที่จัง หวะ 1-3 ไนขณะที่ร็อคอยู่ที่ 2-3 เนื้อหาของบทเพลงสะท้อนถึงลัทธิรัสตาฟาเรียน เเละ วิพากษ์วิจารณ์สังคมตามมุมมองของชาว รัสตา

    ปี 1966 ประเทศจาไมก้าตกอยู่ในภาวะร้อนระอุบทเพลงเนื้อหาเริ่ มร้อนเเรงขึ้น อันเป็นผลมา จากการปราบจราจลระหว่างผิวในปี 1965 ติดตามด้วยกระเเสต่อต้านคนดำ เเละการไล่รื้อสลัมทำหมู่บ้านจัดสรร ในเดือนกรกฎาคม 1966 เเละการประทะของกลุมชนที่เข้าข้างฝ่ายรัฐบาลเเละฝ่าย ค้า อันได้เเก่พรรค อนุรักษ์นิยมเเจเเอลพี เเละพรรค สังคมนิยมพีเอ็นพีฝ่ายค้าน วันที่ 17 เมษายน 1980 บ๊อบได้รับเชิญไห้ร่วมเล่นดนตรีในพิธีเฉลิมฉลองเอกรา ช ของประเทศ ซิมบับเว ที่เคยป็นอาณานิคมของอังกฤษตั้งเเต่ปี 1965 ซิมบับเว เป็นประเทศเอกราชลำดับที่ 50 ของทวีปอัฟริกา เป็นนักร้องนักแต่งเพลงชาวจาไมกาคนแรกที่ผลักดันเอาด นตรีพื้นเมืองจาไมกา หรือ “เร็กเก” ออกสู่ตลาดโลก และกลายเป็น “ราชาเพลงเร็กเก” ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บันทึกเสียงครั้งแรกในเพลง Judge Not เมื่อเขาอายุ 16 ปี โด่งดังทั่วอังกฤษและสหรัฐอเมริกาครั้งแรกในปี 1973 ในอัลบั้ม Catch a Fire ได้ออกโทรทัศน์ BBC
    สิ่งพิเศษที่มีอยู่ในตัวเขาก็คือวิธีการประพันธ์เนื้ อเพลงที่สะท้อนมุมมองทางการเมือง ชีวิต และสังคมที่เฉียบแหลม คมคาย และหยั่งรากลึกสู่จิตวิญญาณ สถานการณ์พื้นฐานในทศวรรษที่ 1960-1970 นั้น ความขัดแย้งเรื่องสีผิวยังมีอยู่สูง คนผิวสีจึงเป็นเพียงพลเมืองชั้น 2
    ท่ามกลางระบบความคิดแบบเหยียดผิวของพวกแองโกล-แซกซอน (Anglo-Saxon)นั้น เขาใช้ดนตรีเป็นสื่อในการเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ผ่านกีตาร์ตัวหนึ่ง กับฮาโมนิการ์คู่ใจ ร้องเพลงเพื่อสะท้อนปัญหาอย่างทรงพลัง ดนตรีเร็กเก้ที่บ็อบนำมาขับกล่อมนั้น ถูกขบวนการคนผิวดำและต่อต้านลัทธิเหยียดผิวบางกลุ่มน ำมาใช้เป็นเครื่องมือในการแสดงออกถึงประเด็นทางสังคม เช่น กลุ่มรัสตาฟารี (Rasta Farians) และต่อมาเร็กเก้ก็เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่คนผิวขาวในต อนปลายทศวรรษ 1960
    บ็อบ มาร์เลย์ทำให้ดนตรีเร็กเกเฟื่องฟูมากที่สุดในทศวรรษท ี่ 1970 เขาตั้งวงชื่อ "บ็อบ มาร์เลย์ แอนด์ เดอะ เวลเลอร์ส" (Bob Marley and the Wailers) ขึ้นในปี 1964 นับเป็นศิลปินเพลงเร็กเกคณะแรกที่โด่งดังไปทั่วโลก ในปี 1975 ได้ไปเปิดการแสดงที่ลอสแอนเจลิส ผู้คนคลั่งไคล้มาก เพลงฮิตเพลงแรกในอังกฤษคือ No Woman No Cry ในปี 1975 และ Jamming ในปี 1977 และ One Love ในปี 1984
    บ็อบ มาเลย์แต่งงานกับริต้าในปี 1975 ประธานาธิบดีไมเคิล แมนเลย์แห่งจาไมกาสนับสนุนให้เขาจัดคอนเสิร์ตฟรี ในวันที่ 5 ธันวาคม 1975 นั้นเอง แต่ปรากฎว่าก่อนหน้า 2 วัน มีกลุ่มมือปืนมาดักยิงตัวเขา ริต้า และผู้จัดการวงดนตรี แต่โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต เขายังคงเดินหน้าแสดงคอนเสิร์ตต่อไปทั้ง ๆ ที่ใช้ผ้าคล้องแขนกับคอเพราะบาดเจ็บ

    ปี 1976 บ็อบ มาเลย์ต้องงดรายการคอนเสิร์ตทัวร์ทั่วยุโรป เนื่องจากตรวจพบเป็นมะเร็งที่เท้าขวา อันเนื่องมาบาดแผลระหว่างการเล่นฟุตบอลในอดีตแล้วละเ ลยไม่รักษา
    บ็อบ มาเลย์กลับมาแสดงคอนเสิร์ต One Love ที่จาไมก้าอีกครั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 1978 และได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการให้ประธานาธิบดี และผู้นำฝ่ายค้านขึ้นไปจับมือกันบนเวที และจับมือกัน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาได้รับรางวัล The United Nations' Peace Medal ในเดือนมิถุนายน 1978 นั่นเอง

    ปี 1980 เป็นผู้นำในการเฉลิมฉลองการประกาศอิสรภาพของซิมบับเว ย์
    เดือนกันยายน 1980 บ็อบ มาเลย์ล้มลงขณะที่กำลังจ้อกกิ้งใน Central Park สวนสาธารณะกลางมหานครนิวยอร์คที่พำนักอยู่ ตรวจพบว่ามะเร็งลุกลามไปยังปอดและสมอง

    บ็อบ มาเลย์ยังคงบินไปแสดงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายในชีวิตที ่ Stanley Theatre นครพิตสเบิร์ก เมื่อวันที่ 23 กันยายน 1980 ขณะพักรักษาตัวอยู่ที่นิวยอร์ค คณะแพทย์ก็ลงความเห็นว่าหมดหวัง บ็อบ มาเลย์อยากจะกลับจาไมก้าบ้านเกิด แต่ไปไม่ไหว จึงแวะพักที่นครไมอามี และจากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 1981 ด้วยวัยเพียง 36 ปีเท่านั้นศพถูกนำกลับมาฝังไว้ที่บ้านเกิดในจาไมก้า ศพของบ๊อบ มาร์เลย์ ถูกนำไปฝังบ้านเกิดที่หลักเก้า ศพนอนภายในโลงสีบรอนซ์สวมเจ็คเก็ตผ้าเดนิม นิ้วมือขวาวางบนคัมภีร์ไบเบิลเปิดกางไว้ที่ บท psalm 23 ส่วนมือซ้าย วางทาบบนกีตาร์ กิ๊บสัน - เลสพอล สีเเดงเพลิงกีตาร์คู่ใจของเขา...อำลาเจ้านกสันติภาพ

    ที่มา http://planet.kapook.com/azaaaaaaaa/blog/view/67939
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  4. #19
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,016
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Exclamation

    มาดูเรื่องน้ำจะท่วมโลก ดูไว้ก็ดีครับตามลิงค์เลยครับ


    ตอนที่1>>> http://www.youtube.com/watch?v=2fAdxLl_h5o
    ตอนที่2>>> http://www.youtube.com/watch?v=w2ORG...eature=related
    ตอนที่3>>> http://www.youtube.com/watch?v=JVUkG...eature=related
    ตอนที่4>>> http://www.youtube.com/watch?v=OYjMW...eature=related
    น้ำจะท่วมกรุงเทพ>>> http://www.youtube.com/watch?v=xxiQ9...eature=related
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  5. #20
    จิมมี่ MCดงหลวง มุกดาหาร กัญชา คลับ's Avatar
    วันที่สมัคร
    Oct 2008
    สถานที่
    mc dongluang mukdahan
    ข้อความ
    2,066
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 1 ครั้ง ใน 1 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน

    เจ๋งๆๆพี่
    วิ่งรถด้วยใจ แฝงไปด้วยมิตรภาพเพื่อความรักใคร่ และสามัคคี
    MC DONGLUANG CLASSIC_BIGBIKE :MUKDAHAN:

  6. #21
    Junior Member pipeyamaza's Avatar
    วันที่สมัคร
    Nov 2008
    สถานที่
    สนิมคำรามเมืองเลย
    ข้อความ
    13
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    0

    มาตรฐาน

    โย่วๆ งานที่ ว่า จา จัด ผ่าน ยัง ง่ะ

  7. #22
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,016
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Talking

    อ้างอิง ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ กัญชา คลับ อ่านข้อความ
    เจ๋งๆๆพี่
    ขอบคุณครับ
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  8. #23
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,016
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Thumbs up อันนี้สำหรับหนุ่มๆ

    6 วิธีจีบหญิง
    เรามีวิธีการจีบหญิงสาวให้อยู่หมัด มาฝากชายหนุ่ม ที่กำลังหว้าเหว่ อยากหาคนรู้ใจ มาไว้ข้างกาย มาดูกันเถอะว่ามีธีไหนที่ทำให้สาวเจ้าที่คุณหมายปอง หันมามองคุณซักครั้ง


    1. อย่าคบเธอเหมือนเพื่อน เดี๋ยวเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าคุณเป็นแค่เพื่อน หรือไม่ก็เป็นกิ๊กคนหนึ่งของเธอเท่านั้น ถ้าคุณพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอก่อนความรักจะก่อตัว ขึ้น เธอก็จะคิดว่าคุณเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งทันที ยิ่งนานวันไป ความสัมพันธ์ควรจะเบ่งบาน แต่มันก็บานได้แค่ความเป็นเพื่อน ไม่ก้าวถึงความเป็นแฟนสักที ดีไม่ดีโดนคนอื่นคว้าไปอีก ฉะนั้น ถ้าคิดจะคบเธอเป็นแฟน ก็จงคบแบบแฟนตั้งแต่เริ่มแรกเลย


    2. ทำเซอร์ไพรส์เธอบ้าง ผู้หญิงน่ะชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ ต่อให้เธอปากแข็งแค่ไหน เชื่อเถอะว่าเธอชอบความตื่นเต้นเร้าใจ และลึกลับ มากกว่าที่จะรู้จักคุณหมดไส้หมดพุง เพราะอย่างนั้น มันก็เหมือนหมดความน่าตื่นเต้นในตัวเองน่ะซิ ให้ข้อมูลตัวคุณกับเธอบ้างบางครั้ง กระตุ้นให้เธออยากรู้อยากเห็น อย่าให้เธอรู้เชียวว่าคุณกำลังเดินหมากอย่างไร สร้างความประทับใจและยวนใจเธอเข้าไว้ แล้วเธอจะเดินเข้ามาหาคุณเอง


    3. เป็นฝ่ายอยู่นิ่งๆ ไม่ใช่ฝ่ายไล่ตาม อย่าเคลื่อนไหวก่อน ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว การที่คุณจะรุกหญิงสาวสักคนหนึ่งก่อน พึงตระหนักไว้ว่า มันอาจทำให้เธอรำคาญได้ง่ายๆ อยู่นิ่งๆ แล้วหยั่งเชิงก่อนว่าเธอสนใจคุณหรือเปล่า หรือคุณสนใจเธอจริงหรือเปล่า ถ้าใช่ ค่อยๆ เผยให้เธอรู้ทีละน้อย แต่อย่าอ่อยนานนักล่ะ เดี๋ยวเธอจะหลุดหายไปจากวงโคจรเสียก่อน


    4. หันมาสนใจตัวเองบ้าง เพิ่มเสน่ห์ให้ตัวเอง ด้วยกลิ่นกายที่หอมกรุ่น ผิวพรรณที่ชวนมอง อ้าว! ว่าไม่ได้ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขาดูผู้ชายที่ผิวพรรณด้วยนะ ประเภทผิวหยาบกร้าน ยอมรับว่ามีบางกลุ่มที่ชอบ แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นหนุ่มผิวดี มักเข้าตากรรมการสาวมากกว่า ที่สำคัญคือลมหายใจและกลิ่นปากต้องสดชื่น แต่งตัวสะอาดชวนมอง ประเภทเฮฟวี่น่าจะหมดยุคไปแล้ว แต่งให้ดูแล้วน่าคบหาสมาคมและดูสุภาพไว้ก่อน น่าจะเรียกคะแนนความนิยมได้ง่ายกว่า


    5. มีอารมณ์ขัน ผู้หญิงน้อยคนจะชอบผู้ชายที่เต็มไปด้วยความเครียด ยิ่งเครียดเธอก็ยิ่งเบื่อหน่าย พวกเธอชอบผู้ชายที่มีอารมณ์ขัน เพราะจะทำให้ชีวิตเธอสนุกสนาน ไม่ซีเรียส ยิ้มเข้าไว้ ยิ่งถ้าคุณเป็นหนุ่มยิ้มเก่ง มารยาทสุภาพ รู้จักกาลเทศะ อย่าว่าแต่จะชนะใจเธอเลย ชนะใจไปถึงครอบครัวเธอได้ง่ายๆ ด้วย เรื่องนี้เขาสำรวจกันอย่างจริงจังมาแล้วพบว่า ผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะคำนึงถึงความสำคัญของอารมณ์ขันของชายหนุ่มเป็นเร ื่องแรก ฉะนั้นทิ้งมาดเก๊กหล่อไว้ แล้วเอาอารมณ์ขันมาสร้างสีสันให้กับคนที่คุณอยากได้เ ป็นแฟนแทนได้แล้ว


    6. คิดให้ดีและถี่ถ้วนก่อน อย่าเพิ่งคิดว่าเธอคือคนที่ใช่แน่ๆ จากที่ออกเดทด้วยกันเพียงไม่กี่ครั้ง อาจเป็นได้ว่าคุณแค่เพ้อไปช่วงหนึ่งเท่านั้น ช่วงเพ้อนี่แหละที่จะทำให้คุณตามัวหมอง อะไรก็ดีไปหมด นึกว่าเธอใช่แน่นอน ขอย้ำเตือนว่า ใช้เวลาสักนิด ตอบคำถามกับตัวเองให้แน่ใจก่อนว่า เธอคนนี้...ใช่คนที่คุณรักมากที่สุดแล้วหรือเปล่า, เธอคนนี้...ใช่คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของคุณหรือเปล่า และเธอคนนี้...ใช่คนที่จะมาเป็นแม่ของลูกคุณหรือเปล่ า ใช้เวลาในการตัดสินใจสักพัก อย่าด่วนได้ใจเร็ว
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  9. #24
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,016
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Angry

    อ้างอิง ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ pipeyamaza อ่านข้อความ
    โย่วๆ งานที่ ว่า จา จัด ผ่าน ยัง ง่ะ

    ใครครับเนี่ย แสดงตัวด้วย ผี่น้อง
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  10. #25
    ต้นตำหรับ kenzai's Avatar
    วันที่สมัคร
    Sep 2008
    สถานที่
    สุรินทร์
    ข้อความ
    541
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    0

    มาตรฐาน

    มีสาระ จริงๆ ขอบคุณครับ พี่ นิ้งหน่อง
    << ปกตินะค๊ะ ไม่ดัดจริตนะค๊ะ >>

    em86

    ชมรม พันธมิตรรถโบราณศีขรภูมิ
    อ.ศีขรภูมิ
    จ.สุรินทร์

  11. #26
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,016
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Red face

    อ้างอิง ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kenzai อ่านข้อความ
    มีสาระ จริงๆ ขอบคุณครับ พี่ นิ้งหน่อง
    ขอบคุณมากครับ

    โทษทีนะครับ คนในกลุ่มไม่มี ชื่อนิ้งหน่องนะครับ
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  12. #27
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,016
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Exclamation เอามาฝากเล็กๆน้อยๆ

    อัตราการเต้นของหัวใจ ปกติเป็นอย่างไร?
    heart rate pulse ชีพจร
    ปกติ ในผู้ใหญ่ อัตราเต้น เฉลี่ย ประมาณ 72 ครั้งต่อนาที (ประมาณ ช่วง 60-80 ครั้งต่อนาที) หรือ ถ้าเอาง่ายๆ คือ ไม่เกิน 100 ถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าเกิน ต้องระวังโรคต่างๆเช่นโรคหัวใจ โรคไทรอยด์เป็นพิษ

    ถ้าเต้นช้า แต่ไม่มีอาการหรือโรคอะไร ไม่เป็นไร เช่นนักกีฬา ที่ฟิตมากๆ บางครั้งอัตราการเต้นหัวใจลดเหลือแค่ 40-50 ครั้ง ต่อนาทีเท่านั้น(พวกนี้จะเหนื่อยยากกว่าคนปกติ)

    แต่เด็กทารก เล็กๆ จะมีอัตราการเต้นสูงกว่าคนโต
    โดย นพ.สมนึก ตปนียวรวงศ์
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  13. #28
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,016
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Exclamation อย่ามองข้ามสุขภาพของตนเองครับ

    การดูแลสุขภาพตนเอง
    โดยธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น ในชีวิต ก็จะพยายามหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เป็นอันดับแรก เมื่อรู้ว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เอง ก็จะแสวงหาความช่วยเหลือจากผู้อื่น
    ในเรื่องความเจ็บป่วย หรือปัญหาสุขภาพก็เช่นเดียวกัน ทุกคนต้องการที่จะดูแลตนเอง ให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ ดังนั้น กล่าวได้ว่า "การดูแลสุขภาพตนเอง เป็นกิจกรรมที่บุคคลแต่ละคนปฏิบัติ และยึดเป็นแบบแผนในการปฏิบัติ เพื่อให้มีสุขภาพดี" อาจแบ่งขอบเขตการดูแลสุขภาพตนเอง เป็น 2 ลักษณะคือ
    การดูแลสุขภาพตนเองในสภาวะปกติ
    เป็นการดูแลสุขภาพตนเอง และสมาชิกในครอบครัว ให้มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์อยู่เสมอ ได้แก่

    • การดูแลส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข เช่น การออกกำลังกาย การสร้างสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ดี ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    • การป้องกันโรค เพื่อไม่ให้เจ็บป่วยเป็นโรค เช่น การไปรับภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ การไปตรวจสุขภาพ การป้องกันตนเองไม่ให้ติดโรค
    การดูแลสุขภาพตนเองเมื่อเจ็บป่วย
    ได้แก่ การขอคำแนะนำ แสวงหาวามรู้จากผู้รู้ เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขต่างๆ ในชุมชน บุคลากรสาธารณสุข เพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติ หรือการรักษาเบื้องต้นให้หาย จากความเจ็บป่วย ประเมินตนเองได้ว่า เมื่อไรควรไปพบแพทย์ เพื่อรักษาก่อนที่จะเจ็บป่วยรุนแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือบุคลากรสาธารณสุข เพื่อบรรเทาความเจ็บป่วย และมีสุขภาพดีดังเดิม
    การที่ประชาชนทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้นั้น จำเป็นต้องมีความรู้ ึความเข้าใจในเรื่อง การดูแลสุขภาพ ตั้งแต่ยังไม่เจ็บป่วย เพื่อบำรุงรักษาตนเอง ให้สมบูรณ์แข็งแรง รู้จักที่จะป้องกันตัวเอง มิให้เกิดโรค และเมื่อเจ็บป่วยก็รู้วิธีที่จะรักษาตัวเอง เบื้องต้นจนหายเป็นปกติ หรือรู้ว่า เมื่อไรต้องไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข




    จัดทำโดย
    ครูสุดใจ ร่มเย็น
    โรงเรียนปิยะบุตร์ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี 15110
    Copyright(c) 2007 Ms. Sudjai Romyen. All right reserved.
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  14. #29
    ต้นตำหรับ kenzai's Avatar
    วันที่สมัคร
    Sep 2008
    สถานที่
    สุรินทร์
    ข้อความ
    541
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    0

    มาตรฐาน

    [quote=ตาลีบัน;2570214]ขอบคุณมากครับ

    โทษทีนะครับ คนในกลุ่มไม่มี ชื่อนิ้งหน่องนะครับ[/quo
    ก้อเรียกพี่ นั่นแหละครับ หน้าตาเหมือน นิ้งหน่อง วง pancake 555555+
    << ปกตินะค๊ะ ไม่ดัดจริตนะค๊ะ >>

    em86

    ชมรม พันธมิตรรถโบราณศีขรภูมิ
    อ.ศีขรภูมิ
    จ.สุรินทร์

  15. #30
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,016
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Talking


    [quote=kenzai;2570470]
    อ้างอิง ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตาลีบัน อ่านข้อความ
    ขอบคุณมากครับ

    โทษทีนะครับ คนในกลุ่มไม่มี ชื่อนิ้งหน่องนะครับ[/quo
    ก้อเรียกพี่ นั่นแหละครับ หน้าตาเหมือน นิ้งหน่อง วง pancake 555555+
    ขอบคุณครับ

    เรียกชื่อผมก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียกว่านิ้งหน่องหลอกครับ

    มันไม่เหมือน em84
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 7 หน้า แรกแรก 1 2 3 4 5 6 7 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย

Bookmarks

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •