620

[Twenty Zero One]

ขอบัญทึกโปรเจ็คหาเรื่องกับช้างของผมครับ...

เรื่องมีอยู่ว่า วันนึงเมื่อต้นปี2553 ผมเอาL200ไปทำช่วงล่าง แล้วก็เจอกับกระบะเก่าๆคันนึงที่มีหน้าตาเท่ไม่เบา ไฟหน้า 4 ดวงแล้วก็อยู่ลึกเข้าไปจากฝากระโปรง ได้อารมณ์ Dodge Challenger ดี

พอดีเจ้าของทำรถเสร็จแล้วก็ขับออกไปพอดี เลยไม่ได้ดูมาก แต่ก็ถามทางอู่ว่ารถอะไร เขาบอกว่าเป็นดัสสัน เราก็คิด...ดัสสัน... รถอะไร*ะ แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ จนกระทั่งวันนึง กลางปี 53 ผมนั่งรถไปกับพ่อแล้วเจอบนถนนก็เลยบอกพ่อว่า เคยเห็นคันนึงที่อู่ สวยดี พ่อบอกว่าเขาเรียกดัสสันช้างเหยียบ ยีห้อก่อนจะเป็นนิสสัน เราก็ อ๋ออย่างงี้นีเอง....

แล้วคืนนั้นก็เป็นจุดเริ่มของการเสียเงินและ การเสียสติ

[Twenty Zero One]

พอถึงบ้านก็ Google เลย เห็นสวยๆหลายคันมากแต่ที่สุดคงต้องยกให้คันสีดำ (จากการค้นหาเพิ่มเติม จริงๆสีเขียวเข้ม) จากญี่ปุ่น



เห็นคันนี้แล้วอึ้ง สวยอะไรอย่างงี้ แล้วอยู่ดีๆก็คัน... ต้องหามาขับสักคัน... สวย...

[Twenty Zero One]

จากวันนั้นก็เป็นจุดเริ่นต้นของการหารถ ก็เริ่มต้นด้วยการขับไปดูแถวนครชัยศรีที่เคยเห็นซากร ถเยอะๆ พอไปถึงพี่แกบอกว่าช้างเหยียบหายาก มีอยู่คันหนึงข้างหลังต้องลุยเข้าไปดู หญ้ารกมาก ไอ้เราก็อยากได้จัด บอกลุยเลยพี่

พอเห็นซากรถก็แอบถามตัวเองนิดนึงว่า อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องจริงๆ รถไม่มีเครื่อง ไม่มีกระจก ไม่มีแก้ม ไม่มีภายใน มีแต่สนิม.. ด้วยความอยากก็เลยถามว่าเท่าไหร่ พอได้ยินราคาก็ร้องโอ้โห! พี่เขาบอกรถมันหายาก สภาพไม่มีดีไปกว่านี้หรอก ต้องขอบคุณสติ (ในช่วงแรกๆ ยังมีอยู่พอสมควร) ที่ไม่ยอมแยกจากเงินเกือบสามหมื่น

คุยกับเพื่อนคนนึง เขาแนะนำว่าให้ลองหาในเวป Thaiscooter ซึ่งผมก็ทำตามด้วยความยินดี จึงรู้ว่าที่ต้องการควรจะเป็นแบบ4ขอ ไฟนอน ดูอยู่หลายอาทิตย์ก็ยังไม่เจอที่ถูกใจ ฝากอู่ทีทำรถให้ช่วยหา ก็ขับไปดูถึงสวนผึ่งก็ยังไม่มีที่ชอบ ในที่สุดเจอในเวป รถอยู่นครสวรรค์ นัดกับเพื่อนว่าจะไปดูกันแต่สงสัยไม่ใช่เนื้อคู่ พอวันจะไป โทรหาเจ้าของ เขาบอกขายไปแล้ววันก่อน

จนกระทั้งวันที่ 6 เดือน 7 ปี 2553 เจอในเวป Thaiscooter คันสีครีมอยู่เชียงใหม่ สภาพดูดี รีบโทรบบอกคนรู้จักที่เชียงใหม่ว่าให้ไปดูรถให้หน่อย ถ้าสภาพดี ทะเบียนถูกต้อง ให้ซื้อเลยเดียวแห้วอีกรอบ และแล้วก็ได้โอนเงินไปให้ และผมก็ได้ดัสสัน ช้างเหยียบ 620 มาครอบครอง

[Twenty Zero One]

อาทิตย์นึงให้หลัง ผมก็ไปเชียงใหม่เจอคุณพ่อแล้วก็เพื่อพาช้างกลับมาบ้า น ขับรถไปกับเพื่อนอีกคน กะว่าขากลับจะได้มีรถพี่เลี้ยงเพื่อช้างงอแง วันที่ไปเจอรถรู้สึกตื่นเต้นไม่เบา (แปลกมั้ยเนี้ย) สภาพโดยรวมโอเค มีผุบ้างนิดหน่อย ตัวถังเคาะดังตุปๆเลย โป๊วไว้สะแน่นเชียว 55555
อยู่เชียงใหม่ 3 วัน ลองขับไปขับมา เช็คน้ำ เช็คน้ำมัน ตัดสินใจช้างเชื่อง เอากลับบ้านหน้าจะรอด ผมออกเดินทางตอนประมาณ 11 โมงเช้า เพื่อนขับตาม ส่วนพ่อไม่ใว้ใจช้างป่า บอกว่าเดียวกลับด้วยเลย คราวนี้เราอุ่นใจเลย รถพี่เลี้ยง 2 คัน อัดเต็มทีี่ จัดไปมิดคันเร่ง (ประมาณ 90 กม/ชม) (ทางราบ) (น่าจะเอียงลงนิดๆ) ทุกอย่างก็โอเคจนเลยลำพูนขึ้นเขา มั่นใจมาก ออกขวาสุดแซงรถใหม่ๆเลย... ว. บอกเพื่อน ส-บ-.... ยังไม่ทันจะพูด ม ช้างหัวใจวาย ดับดื้อๆกลางอากาศ ไฟฉุกเฉินติดรึเปล่าก็ไม่รู้ หันมองหลังมองซ้ายแล้วรีบออกไหล่ทางทันที (รถเก๋งใหม่ๆ ที่แซงไปกระพิบไฟไล่ทันที)

เครื่องฮีทครับ เปิดฝากระโปรงมาไอน้ำเพียบเลย จอดรอกลางเขาเติมน้ำแต่ก็สตาร์ตไม่ติด คราวนี้เลยได้ลากสมใจ ตอนแรกเอารถเก๋งเราลากแต่ไม่ค่อยมีแรง พ่อเลยเอานาวาร่าลากแทน (รักพ่อจริงๆ) คราวนี้วิ่งฉิวเลย

[tanawinwu]

ชอบเรื่องราว...และการออกตามหาจัง แต่งหล่อแล้วเอามาให้ชมบ้างนะครับ ตอนนี้ผมก็เริ่มทำเหมือนกันเป็น อีซูซุ Kb 20.............เอก ครับ

[Twenty Zero One]

ชอบเรื่องราว...และการออกตามหาจัง แต่งหล่อแล้วเอามาให้ชมบ้างนะครับ ตอนนี้ผมก็เริ่มทำเหมือนกันเป็น อีซูซุ Kb 20.............เอก ครับ

ขอบคุณมากครับ ขอให้ได้ขับอีซูซุเร็วๆนะครับ

[Twenty Zero One]

ต่อ...

ผมเองขับรถกรุงเทพฯ-เชียงใหม่มาหลายสิบเที่ยว แต่ก็คงไม่มีครั้งไหนที่น่าจดจำเท่าครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ผมได้สูดอากาศภายนอกตลอดการเดินทาง 600 กว่ากิโลเมตร ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นฝน กลิ่นหญ้า กลิ่นดิน กลิ่นควันสิบล้อ หรือกลิ่นของมูลต่างๆที่บางครั้งผมยังนึกไม่ออกว่ามั นกลิ่นอะไรนี่ เหม็นสุดๆ นอกจากจะเกร็งเท้าขวาเหนือแป้นเบรก ช่วยชลอรถแล้ว ยังโดนด่านตรวจรถ ตรวจเอกสาร ตรวจเลข ครบถ้วน

แวะทานข้าวบ่ายแถวๆลำปาง ลองสตาร์ตรถดู ปรากฏว่าติดแหะ สมแล้วที่เป็นช้าง ทนน่าดู ปรึกษากันเองสรุปว่าลากต่อดีกว่า เร็วกว่าเยอะ

ประมาณเที่ยงคืนเลยนครสววณมาหน่อย คุณพ่อบอกว่าง่วงแล้ว ขอจอดนอนก่อน ผมกับเพื่องยังพอไหวเลยตัดสินใจขับเองต่อ เพราะว่าอยากกลับบ้านแล้วก็กลางคืนอากาศไม่ร้อนมากด้ วย ก่อนออกตรวจเช็คน้ำ - พร่องไปเยอะ น้ำมันเครื่องก็หายจากขีดไปกว่าครึ่ง ก็เลยเตรียมพกไปด้วยเพราะคาดว่าต้องได้เติมอีกหลายที กว่าจะถึงบ้าน ตลอดทางว.คุยกับเพื่อนไม่หยุด เพราะเราเองก็เริ่มง่วง ยังดีที่มีจอดให้น้ำและน้ำมันเป็นระยะๆ ได้ลงมายืดเส้นยืดสายแก้ง่วงไปอีกแบบ

ถึงพุทธมณฑลประมาณตี4 กลับเข้าบ้านอาบน้ำหัวถึงหมอนเกือบเช้า นับว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานมากสำหรับผม และก็เป็นการเดินทางที่น่าจดจำจริงๆ ตอนนี้ถ้าถามว่า "เอาอีกมั้ย?" ผมคงต้องตอบว่า "ครั้งเดียวก็พอแล้ว...เหนื่อย***ๆ"

[Twenty Zero One]

รถมาจอดอยู่บ้านเดือนกว่า ระหว่างนั้นคุยกับอู่ที่เคยทำรถ ต้องง้ออยู่นานกว่าช่างจะยอมทำให้ รอเวลาให้งานอื่นที่ง่ายๆของช่างน้อยลง และระหว่างนั้นก็หาเครื่องไปด้วย ใจจริงกะว่าไม่เดิมแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็มีแอบอยากคลาสสิคนิดๆเวลาเห็นรถคนอื่น (ทว่าหลังจากประสบการ 18 ชั่วโมง จัดหัวใจแรงๆหน้าจะทำให้เรายิ้มแป้นกว่า) ในใจมองว่าประมาณ sr20 นิสสัส-ดัสสัน ไม่ต่างตระกูลเกินไป คิดว่าใหนๆก็ใหนๆแล้วเอาให้สุดๆไปเลย ตะเวน 3 เซียงกงเพื่อหา sr20 det 6 เกียร์ ปรากฏว่าหายากกว่าที่คิด ในที่สุดเฮียที่ปทุมวันโทรมาบอกว่ามีร้านรู้จักที่บา งนามีอยู่ 2 ตัว เราก็ดันโอ้เอ้ ผ่านไปเกือบอาทิตย์ เฮียโทรมาหาผมตอนอยู่เกาะช้างว่าพี่แกขายไปแล้วตัว ถ้ายังอยากได้อยู่ให้รีบโอนมัดจำมาก่อน ทำให้วุ่นวายหาเอทีเอ็มรีบโอนมัดจำไปให้ พอวันไปรับเครื่องผมก็เลยต้องยอมรับกับตัวที่เหลือซึ ่งบอกได้เลยว่าบ่งามเท่าอีกตัว (งานนี้ทำให้ตระหนักว่า บางทีต้องรีบคว้าโอกาศหรือสิ่งที่เราต้องการใว้ เพราะคนอื่นเขาไม่รอเราแน่) ไม่เอาก็ไม่ได้แล้ว หามาเกือบเดือน ก็เลยจ่ายเขาไปแล้วก็เอาเครื่องกลับ

[tanawinwu]

มาติดตามชมครับ....